Last updated: 27 Nov 2024 | 74 Views |
เป็นมาตรฐานแรกที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง โดยใช้ช่วงความถี่ 2.4 GHz ซึ่งสามารถทะลุผ่านสิ่งกีดขวางได้ดี แต่ยังมีปัญหาเรื่องการแทรกสัญญาณจากอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ช่วงความถี่เดียวกัน
เปิดตัวพร้อมกับ 802.11b แต่ใช้ช่วงความถี่ 5 GHz ซึ่งลดปัญหาการแทรกสัญญาณ แต่ระยะการเชื่อมต่อสั้นกว่ามาตรฐาน 802.11b
ผสมผสานข้อดีของ 802.11a และ 802.11b ด้วยการใช้ช่วงความถี่ 2.4 GHz เพื่อการทะลุผ่านสิ่งกีดขวาง แต่เพิ่มความเร็วขึ้นไปเท่ากับ 802.11a
เพิ่มการรองรับการทำงานแบบ Dual-band และใช้เทคโนโลยี MIMO (Multiple Input Multiple Output) ทำให้สามารถเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อและประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูล
ใช้เทคโนโลยี MU-MIMO (Multi-User MIMO) เพื่อรองรับอุปกรณ์หลายเครื่องพร้อมกัน และเพิ่มความกว้างของช่องสัญญาณ (Channel Bandwidth) ทำให้ความเร็วในการรับส่งข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างมาก
เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีการใช้งานหนาแน่น โดยใช้เทคโนโลยี OFDMA และ TWT (Target Wake Time) เพื่อลดการใช้พลังงานของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ
เป็นการขยาย Wi-Fi 6 ด้วยการเพิ่มช่องสัญญาณใหม่ในช่วงความถี่ 6 GHz เพื่อให้มีช่องสัญญาณมากขึ้น ลดการแออัดและเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อ
จะมีการพัฒนาเทคโนโลยี MLO (Multi-Link Operation) และใช้ช่องสัญญาณที่กว้างขึ้นถึง 320 MHz ทำให้มีความเร็วสูงขึ้นและการเชื่อมต่อเสถียรมากยิ่งขึ้น
...............................................................
การพัฒนาเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในเทคโนโลยี Wi-Fi ที่ถูกปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในด้านความเร็ว ความเสถียร และความสามารถในการรองรับอุปกรณ์หลายเครื่องพร้อมกัน ซึ่งสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตและการทำงานที่พึ่งพาเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตมากขึ้น นับว่า Wi-Fi ได้เข้ามาเป็นซึ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของคนยุคปัจจุบันชนิดที่แยกจากกันไม่ได้เลยทีเดียว